"ผักดีต่อสุขภาพ" แต่ทำไมกินแล้วท้องอืด?
กินผัก "อืด" จริงหรือ? ไขข้อสงสัย ผักเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกาย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจพบว่าการกินผักเยอะ ๆ ทำให้รู้สึกท้องอืด แน่นท้อง หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหาร อาการท้องอืดจากกินผักอาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ปริมาณกากใยในผัก ผักบางชนิด เช่น กะหล่ำปลี บร็อคโคลี ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม ผักกาดขาว ฯลฯ มีปริมาณกากใยสูง ซึ่งกากใยเหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ทั้งหมดในกระเพาะอาหาร เมื่อเข้าสู่ลำไส้เล็ก แบคทีเรียในลำไส้จะย่อยกากใยเหล่านี้และปล่อยแก๊สออกมา แก๊สเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกท้องอืด แน่นท้อง หรือมีลมในกระเพาะอาหาร
- การย่อยสลายกากใยของลำไส้ ลำไส้ของคนเราแต่ละคนมีความสามารถในการย่อยสลายกากใยแตกต่างกัน บางคนมีลำไส้ที่ย่อยกากใยได้เร็ว ทำให้แก๊สที่เกิดขึ้นน้อยลง บางคนมีลำไส้ที่ย่อยกากใยได้ช้า ทำให้แก๊สที่เกิดขึ้นมาก ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืดได้
- ความไวต่อแก๊สในกระเพาะอาหาร บางคนอาจมีความไวต่อแก๊สในกระเพาะอาหารมากกว่าคนทั่วไป เมื่อกินอาหารที่มีกากใยสูง ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ง่ายกว่า
วิธีป้องกันอาการท้องอืดจากการกินผัก มีดังนี้
- เริ่มกินผักทีละน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้น จะช่วยให้ลำไส้ปรับตัวและย่อยสลายกากใยในผักได้ดีขึ้น เลือกกินผักที่มีกากใยน้อย เช่น ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า ผักโขม ผักบุ้ง ฯลฯ ปรุงผักให้สุกก่อนกิน จะทำให้ผักมีกากใยน้อยลง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยในการย่อยอาหารและขับถ่ายแก๊ส
- หลีกเลี่ยงการกินผักที่มีกากใยสูง เช่น กะหล่ำปลี บร็อคโคลี ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม ผักกาดขาว ฯลฯ ในช่วงที่มีอาการท้องอืด
หากมีอาการท้องอืดจากการกินผักมาก ๆ และมีอาการรุนแรง เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม
อ้างอิง
- บทความ "กินผักแล้วท้องอืด? นี่คือ 4 วิธีกินผักแบบไม่ต้องกังวลท้องอืด" จากเว็บไซต์ Urban Farming
- บทความ "ทำไมกินผักแล้วท้องอืด" จากเว็บไซต์ Healthline
- บทความ "กินผักแล้วท้องอืด แก้ยังไงดี" จากเว็บไซต์ Hello คุณหมอ